การปรับตัวของธุรกิจค้าปลีกสู่อี-คอมเมิร์ซ ช่วยให้การนำเทคโนโลยีมาใช้บริการจัดการร้านค้าเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะในแง่ของการลดต้นทุนด้านเวลาและตัวเงิน ตลอดจนเครื่องมือการตลาดและการทำความเข้าใจพฤติกรรมการบริโภคของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เราลองมาดูกันว่า เทคโนโลยี สามารถเติมเต็มช่องว่าง และช่วยพัฒนาธุรกิจค้าปลีกในด้านใดได้บ้าง
ลดต้นทุนในการบริหารคลังสินค้า
ระบบควบคุมจัดการคลังสินค้าเป็นเครื่องมือจัดการธุรกิจขั้นพื้นฐานที่ธุรกิจค้าปลีกต้องมี โดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ สามารถทำให้ร้านค้าสามารถมองเห็นตัวเลขสินค้าในคลัง ออร์เดอร์ที่เข้ามา ความนิยมในตัวสินค้าแต่ละชนิด ด้วยตัวเลขแบบเรียลไมท์ ผู้ใช้สามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจได้บนหน้าจอเดียว
เครื่องมือนี้ถือว่าประโยชน์อย่างมาก ในแง่ของการจัดหมวดหมู่สินค้า การจัดการต้นทุน ราคา กำไร และการเก็บสถิติวัน-เวลาที่ขายสินค้า นอกจากนี้ เมื่อลูกค้าถามข้อมูลเกี่ยวกับสินค้า เช่น มีสินค้าไหม สีอะไร รุ่นอะไรบ้าง ร้านค้าก็สามารถตอบคำถามลูกค้าได้อย่างทันท่วงที ไม่ต้องออกแรงค้นหรือนับสินค้าด้วยมือ หรือต้องยกหูถามคลังสินค้าและร้านค้าต่างสาขา
บริการจัดการแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พนักงานที่มีความสุขและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นด่านแรกที่จะสร้างความประทับใจในตัวองค์กร การใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการแรงงาน การกระจายงาน และการวางแผนงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดความสับสนในองค์กร ลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงาน และไม่เกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน ไม่ตรงกับแนวทางของแบรนด์ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการสื่อสารในองค์กร ซึ่งจะช่วยลดเวลาการทำงาน และเก็บบันทึกเวลาการทำงานของพนักงานให้ตรงตามสัญญา ข้อกำหนด และกฎหมายแรงงานด้วย
ช่วยจัดการกลยุทธ์ทางการขาย
เมื่อร้านค้ามีข้อมูลการซื้อ-ขาย คลังสินค้า และช่วงเวลาที่สินค้าเป็นที่นิยม ธุรกิจค้าปลีกสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวมาวางกลยุทธ์ทางการขาย เช่น ช่องทาง-แนวทางกระตุ้นการขาย ช่วงเทศกาล วันพิเศษ หรือแพ็คเกจพิเศษ ที่ช่วยกระตุ้นยอด นอกจากนี้ยังสามารถประเมินการซื้อขายล่วงหน้าได้ เพื่อติดต่อผู้ผลิตให้เตรียมการผลิตสินค้าให้ทัน นอกจากนี้ ยังเป็นเรื่องง่ายในการเก็บข้อมูลลูกค้า ทำแคมเปญสะสมแต้ม คะแนน และโปรโมชั่นต่าง ๆ
สร้างคอนเทนต์เพื่อการตลาดที่ถูกใจลูกค้า
เทคโนโลยีสามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้า ทำให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นลูกค้าหลักของแบรนด์ ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดสู่การสร้างคอนเทนท์และเนื้อหาโฆษณาทางดารตลาดที่ถูกใจลูกค้า โดยในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้ามามีบทบาทในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าเช่นในปัจจุบัน การสร้างคอนเทนท์ที่ลูกค้ารู้สึกเชื่อมโยง เป็นส่วนหนึ่ง และมีความเฉพาะตัว จะทำให้ลูกค้ารู้สึกถึงความใส่ใจของแบรนด์ และเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจกับธุรกิจของเรามากขึ้น
เพิ่มประสบการณ์ช็อปปิ้งที่น่าประทับใจ
การเกิดโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมายังทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากหันไปเลือกซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น การปรับตัวทางเทคโนโลยีในด้านนี้เองก็ไม่น้อยหน้า มีการสร้างเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อเข้ามาเติมเต็มและขจัดความลังเลของลูกค้าในการซื้อของออนไลน์มากขึ้น เช่น เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ที่ให้ลูกค้าลองสินค้าได้ผ่านทางโลกเสมือน การสร้างเครื่องมือร้านค้าบนโซเชียลมีเดียที่สั่งซื้อของได้โดยไม่ต้องเปิดหน้าต่างในอินเตอร์เนทหลายหน้า ทำให้การซื้อของเป็นเรื่องง่ายแค่ปลายนิ้วไม่ว่าจะจากส่วนใดของโลก
เก็บเงินทันใจ ตามใจลูกค้า
ลูกค้าหลายคนอาจจะสะดวกเก็บเงินปลายทาง เพื่อให้มั่นใจว่าจะได้รับสินค้าที่ถูกใจ ตรงตามสเป็ค ขณะที่ลูกค้าหลายคนอาจจะสะดวกชำระเงินผ่านบัตรเครดิต หรืออี-วอลเล็ทที่มีความปลอดภัยสูง เทคโนโลยีสามารถช่วยให้ร้านค้าออกแบบช่องทางการชำระเงินที่ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด และสามารถมั่นใจได้ว่า ของจะไม่หาย และไม่มีการเก็บเงินตกหล่นอย่างแน่นอน
ป้องกันการสูญเสียจากภายใน
เมื่อร้านค้าสามารถตั้งระบบอัตโนมัติในการเช็คสต๊อก ประเมินพฤติกรรมผู้บริโภค และการบริหารจัดการแรงงานในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ปัญหาความผิดพลาดจากการบริหาร เช่น ตั้งราคาผิดพลาด วางระบบแรงงานผิดพลาด หรือวางแผนการตลาดผิดพลาดก็จะเกิดปัญหาน้อยลง ทั้งยังช่วยลดปัญหาสินค้าหาย ตกหล่น หรือถูกขโมยจากคนภายในด้วย ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้มากกว่าการทำระบบแบบแมนน่วลที่ต้องคอยนับสินค้าแต่ละชิ้น
การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนั้น นอกจากจะมีสินค้าที่โดนใจผู้บริโภคแล้ว ผู้นำธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ยังต้องหมั่นศึกษาความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของสิ่งต่าง ๆ รอบตัวอยู่เสมอ เพื่อช่วยให้ธุรกิจมีความคล่องตัวและตัดส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
https://www.bdc.ca/en/articles-tools/technology/invest-technology/benefits-technology-retail-businesses
https://www.deputy.com/blog/four-technologies-to-improve-the-retail-experience