จับตามอง 5 เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2021

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2020 ที่ผ่านมาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหยุดชะงักแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ใช่ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะมองไม่เห็นทางเยียวยา แม้จะไปไหนไกลๆ ไม่ได้ แต่เรามี 5 เทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าจับตามองในปี 2021 เพื่อให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมเตรียมพร้อมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์และเอาใจกลุ่มลูกค้าที่มีใจรักการท่องเที่ยวแต่ยังเดินทางไม่ได้

1. STAYCATION

การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2020 ที่ผ่านมาทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกต้องหยุดชะงักแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ใช่ว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะมองไม่เห็นทางเยียวยา แม้จะไปไหนไกลๆ ไม่ได้ แต่เรามี 5 เทรนด์การท่องเที่ยวที่น่าจับตามองในปี 2021 เพื่อให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมเตรียมพร้อมปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์และเอาใจกลุ่มลูกค้าที่มีใจรักการท่องเที่ยวแต่ยังเดินทางไม่ได้

จริงๆ แล้วคำว่า STAYCATION ไม่ใช่คำใหม่ แต่กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง เพราะโควิด-19 เป็นข้อจำกัดทำให้ผู้คนเดินทางข้ามจังหวัดหรือข้ามประเทศไกลๆ ได้ยากขึ้นหรือไม่ได้เลย การใช้ชีวิตพักผ่อนอยู่บ้าน การท่องเที่ยวใกล้บ้าน หรือภายในจังหวัดและประเทศของตัวเอง จึงกลายเป็นทางเลือกให้กลุ่มนักท่องเที่ยวได้มีโอกาสเดินทางใกล้ๆ พักไม่ไกล ให้พอได้เปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยเหตุนี้ธุรกิจโรงแรมหลายแห่งจึงเริ่มปรับตัวด้วยการจัดโปรโมชั่นพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวภายในประเทศพอให้มีกระแสรายได้เข้ามาช่วยต่อลมหายใจให้กับธุรกิจ

2. FLIGHTSEEING

จากที่แต่ก่อนนักท่องเที่ยวทั้งหลายมักจะใช้เวลาครุ่นคิดก่อนซื้อตั๋วเครื่องบินว่า “บินไปไหนดี” ถึงจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป แต่ในยุคนี้สายการบินกลับเชิญชวนนักท่องเที่ยวให้ลอง “บินลมชมวิว” (Flightseeing) หรือ “บิน (แต่) ไม่ไปไหนบ้างก็ได้” (flight to nowhere) โดย EVA Air ถือเป็นสายการบินแรกที่บุกเบิกช่องทางหารายได้สุดแปลกนี้ จนมีสายการบินอื่นๆ เริ่มทำตามบ้าง ซึ่งไอเดียนี้ก็พอมีกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบและพร้อมเปย์ไม่น้อยเห็นได้จากตั๋วเครื่องบินที่ถูกจองเต็มภายในเวลารวดเร็ว.

3. WORK ANYWHERE

ปฏิเสธไม่ได้ว่าโควิด-19 ได้เข้ามาปฏิวัติรูปแบบการทำงานของผู้คนทั่วโลก เมื่อออฟฟิศไม่ใช่ “สถานที่” แต่คือ “ผู้คน” ที่ทำงานที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์อย่างแล็ปท็อป, แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน ก็เพียงพอในเบื้องต้นแล้ว ทำให้วิถีการทำงานแบบ work anywhere และ work from home กลายเป็นเทรนด์ที่หลายบริษัทเริ่มนำมาปรับใช้กันมากขึ้น ซึ่งถูกอกถูกใจประชากรวัยทำงาน Gen Z และ Millennial อย่างมาก สอดคล้องกับผลการสำรวจของ Airbnb ที่ระบุว่า 83% ของผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 1,010 คนชื่นชอบที่ได้เปลี่ยนบรรยากาศการทำงานไปยังสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ใช่ออฟฟิศ แถมมีแนวโน้มว่าเทรนด์นี้จะยังได้รับความนิยมและคงอยู่ต่อไป แม้จะผ่านพ้นช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แล้วก็ตาม เมื่อผ่านช่วงโควิด-19 ไปแล้ว เราจะมีนักท่องเที่ยวได้ตลอด ไม่ต้องรอช่วงฮอลิเดย์

4.SUSTAINABILITY

กระแสการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนถูกพูดถึงและได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังการฟื้นตัวของธรรมชาติจากการปิดอุทยานแห่งชาติหลายแห่งในประเทศไทย ด้วยเหตุจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผลพลอยจากวิกฤติครั้งนี้คือกระแสเรียกร้อง ให้ภาครัฐส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เช่น อุทยานแห่งชาติทุกแห่งควรมีช่วงเวลาปิด ทำการอย่างน้อยสองถึงสามเดือนต่อปี โรงแรมขนาดใหญ่ควรใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่น เป็นโอกาสสำหรับการท่องเที่ยวท้องถิ่น นำไปสู่ธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม การขับเคลื่อนธุรกิจแบบท้องถิ่น เช่นร้านอาหารรวมถึงสินค้าและบริการที่จะทำนักท่องเที่ยวอิ่มใจและชุมชนรอบข้างเติบโตอย่างยั่งยืน

5. VACCINE PASSPORT

วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport) อาจไม่ใช่แทรนด์ซะทีเดียว แต่ถือเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติที่จะได้กลับมาเดินทางท่องโลกกว้าง (แบบไม่ต้องหวาดระแวง) กันอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลกหลายแห่งเริ่มพัฒนาวัคซีนพาสปอร์ตในรูปแบบแอปพลิเคชั่นออกมาให้ใช้งานกันในบางประเทศแล้ว เช่น แอป Travel Pass ของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) แอป Digital Health Pass ของ IBM และแอป CommonPass ของ The Commons Project Foundation ร่วมกับ The World Economic Forum ช่วยจุดประกายความหวังให้กับกลุ่มธุรกิจสายการบิน โรงแรม และการท่องเที่ยวอีกครั้ง

POST RECENT

Spread the love